mybloglog

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา
อยู่ระหว่างหนีเที่ยว

Search This Blog

Pages

Tuesday, August 2, 2011

คุณตาของเธอ

ผมเป็นคนขวางโลก
เพราะฉะนั้นผมจึงนอนขวางไปกับพื้น อยู่หน้าประตูห้องเรียน
ผมตัวใหญ่ ผมไม่กลัวใคร ดังนั้น
จึงไม่มีใครกล้าว่าผม
นอกจากเดินเลี่ยงๆ ไป แล้วก็บ่นเบาๆ เท่านั้น

ตอนที่ผมอยู่ ป.5 อยู่นั้น ก็มีแฟนมาแล้ว 3 – 4 คน เห็นจะได้
แต่ก็นั้นแหละ สมัยเด็กๆ
แค่อยู่ใกล้กันนิดสนิทกันหน่อย ใครๆ ก็เรียกเราว่า เป็นแฟนกันแล้ว

อันความรักในวัยนั้น
แค่นั่งใกล้ก็เป็นแฟนฉัน สนิทกันก็เรียกแฟนเธอ ได้แล้ว
แต่พอแยกห้องกัน ก็ลืมๆ กันไป
และสมัยประถม ก็ย้ายห้องทุกปีด้วยซี
ผมเลยมีแฟนใหม่ทุกปีเหมือนกัน

และแล้วเธอคนนั้นก็เข้ามา..
เธอเดินเข้ามาตรงที่ผมนอนอยู่
ยืนขาชิดเอามือปิดชายกระโปรงแนบไว้กับขา
ยิ้มแล้วก็บอกว่าผมเกะกะทางเดินนะ ก่อนจะค้อนเล็กๆ ที่ปากและหางตา
เสื้อสีขาวคอปก ตัดกับโบว์สีน้ำเงินและกระโปรงนักเรียนสีน้ำเงิน
ไม่ได้ทำให้เธอโดดเด่นกว่านักเรียนคนอื่นๆ
ได้เท่ากับ ผมสีดำขรับ ตาคม หน้ากลมมน ขนตางอนนั้น กับรอยยิ้มประทับใจผมทันทีที่แรกเห็น

เธออยู่ห้องเดียวกันกับผม แต่ไม่ได้นั่งใกล้กัน
ที่นั่งเธออยู่ด้านหน้าผมไปอีก 3 แถว เยื้องขวาไปอีก 2 แถว
ผมนั่งแถวแรกตัวสุดท้าย เธอนั่งแถวที่ 4 ตัวที่ 3
ผมมักนั่งมองเธอจากตรงนั้น

ไม่รู้รู้สึกไปเองรึเปล่า
นับแต่วันที่เราคุยกันที่หน้าห้อง ที่ผมนอนขวางทางเธออยู่
ทุกครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก็จะเห็นเธอหันกลับมามองผมแล้วหัวเราะเช่นกัน

บางทีคลื่นเราอาจตรงกัน
( หรือไม่ผมก็อาจคิดไปเอง เธออาจหันมาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ผมเห็นแค่ครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นมองก็ได้ )
และ..
แค่นั้นก็ทำให้หัวใจผมบีบคั้นจนปวดไปทั้งอก ได้ไม่ยากแล้ว

เราสนิทกันมากขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น
ความสัมพันธ์วัยเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ในที่สุด !!
“เราก็ถูกล้อว่าเป็นแฟนกัน”
ผมไม่โกรธ เธอไม่โกรธ แค่เขินๆ ดูเหมือนจะดีใจมากกว่า
แล้วตอนนี้ เราก็เปลี่ยนสถานะ จาก ”เพื่อนสนิท” กลายเป็น ”แฟนฉัน” กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และแล้ววันหนึ่ง..
เธอก็ชวนผมไปเยี่ยมคุณตาของเธอ ที่เข้าโรงพยาบาลเพราะไม่สบาย

โรงเรียนพวกผมอยู่ในตัวจังหวัด
ดังนั้นจึงอยู่ไม่ไกลโรงพยาบาลประจำจังหวัดนัก
วันนั้นเธอชวนผมไปเป็นเพื่อน เพื่อเยี่ยมคุณตาของเธอตอนเย็นหลังเลิกเรียน

โดยปกติแล้วผมจะเดินทาง ไป-กลับบ้าน กับรถของโรงเรียน
และถ้าไปกับเธอ ต้องกลับมาไม่ทันรถมารับแน่นอน
แต่จะมีความหมายอะไร
ยังไงผมก็ไปกับเธออยู่ดี...

ความรู้สึกได้ทำความผิดนั้น รสมันเปี้ยวๆ ขมๆ และก็หวานมันไปพร้อมกัน
คนขับรถต้องตามหาตัวผมซึ่งหายไปแน่..
โรงเรียนเองก็คงวุ่นน่าดู ที่ผมหายตัวไปโดยไม่บอกใคร
แต่บอกแล้วไง !
ว่ายังไงผมก็ไม่แคร์.. และ ยังไงผมก็จะไปอยู่ดี!!
แม้จะรู้ว่ากลับมาต้องโดนดุแน่ๆ ก็ตาม..!!!

คุณตาของเธอเป็นคนใจดี คุยสนุก แม้จะยังนอนอยู่บนเตียงอยู่ก็ตาม
โดยเฉพาะกับผม เราคุยกันถูกคอมาก
คุณตาแซวว่าเป็นแฟนหลานเขา ต้องเอาใจให้ดี และรักกันนานๆ นะ อะไรประมาณนี้
ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มรับ ไม่ได้โต้แย้งอะไร
แกซักผมหลายเรื่อง แต่ไม่ได้ซักอย่างเอาเป็นเอาตายนะ
แค่ถามเรื่องทั่วๆ ไป อย่าง
เป็นลูกเต้าเหล่าใคร? รู้จักกับหลานแกได้อย่างไร? เท่านั้นเอง
และ ก่อนจะกลับ
แกก็ให้ลูกอมซึ่งเป็นของเยี่ยมแก ให้พวกผมมากำมือหนึ่ง
เป็นรถบ๊วย อร่อยดีเหมือนกัน

พอกลับมาถึงโรงเรียน ผมก็ถูกดุตามคาด
แต่ก็ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรมากนักหรอกสำหรับผม
ฟังผ่านๆ หูไปเท่านั้นเอง
( เธอไม่ได้กลับมาด้วย แต่อยู่กับตาที่โรงพยาบาล รอแม่มารับกลับบ้านอยู่ที่นั่นเลย )
และแล้ววันหนึ่ง
เป็นวันอาทิตย์
ญาติผมคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาล
ก็โรงพยาบาลในตัวจังหวัดนั่นละ..
พวกญาติๆ คนอื่นจึงพากันไปเยี่ยม รวมทั้งผมด้วย..
พอรู้ว่า ไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ต้องนอนโรงพยาบาลไปก่อน
พวกผู้ใหญ่ก็ออกมาคุยกันนอกห้อง
ผมเลยขอตัวออกไปเดินเล่น

บ้านผมไม่ห่วงลูกหวงหลานกันมากนัก ผมเลยมีโอกาสทำอะไรตามใจได้มาก
ดังนั้น..
จึงไม่มีใครห้ามเมื่อผมขอไปเดินเล่น
ก็ไปที่ห้องคุณตานั่นละครับ
ด้วยหวังว่าจะเจอเธอที่นี่ วันนี้

แต่ปรากฏว่า
ไม่เจอใครเลย เตียงของคุณตาก็ว่างเปล่า..
ขณะที่ผมกำลังคิดว่าคุณตาคงหายดีกลับบ้านได้แล้วกระมัง
พร้อมทั้งหันหลังจะกลับ
ก็ต้องสะดุ้ง ตกใจ เมื่อพบว่า
คุณตานั่งอยู่ที่ระเบียงที่ผมพึ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้
( ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไร ตอนผมเดินเข้ามายังไม่ทันเห็น
แต่มองเข้าไปในห้องแป๊ปเดียวแกมานั่งยิ้มร่าอยู่ที่ระเบียงนั่นแล้ว )

พอหันไปเจอแกผมก็ยกมือไหว้ แกก็ไหว้ตอบ และถามว่า มาเยี่ยมแกหรือมาหาใครจ้ะ?
( พร้อมกับหัวเราะอย่างรู้ทัน )
ผมได้แต่ยิ้มแล้วตอบไปว่า “ก็มาเยี่ยมคุณตานั่นละครับ แหะๆ..”
( ผมพูดพร้อมกับหัวเราะแก้เขิน )

ผมอยู่พูดคุยกับแกอย่างออกรส อีกหลายเรื่อง แล้วอยู่ๆ
คุณตาก็บอกว่า ฝากดูแลหลานแกด้วยนะ
รักกันให้นานๆ อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันเอา
ซึ่งผมก็รับคำอย่างงงๆ
แล้วคุณตาก็ขอตัวไป บอกว่า ต้องไปพบคนอื่นอีก
ว่าแล้วแกก็ยื่นลูกอมรสบ๊วยให้ผมอีกเม็ดหนึ่ง ก่อนไป !
ซึ่ง.. ผมก็แกะอมทันทีที่แกลับตาไป รสมันหวานๆ เค็มๆ อร่อยดี..

วันจันทร์ !!
วันนี้เธอคนนั้นไม่มาเรียน คุณครูบอกว่าตาของเธอเสียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เธอจึงต้องลาไปงานศพคุณตาสัก 2 - 3 วัน...

เดี๋ยวๆๆ ! เดี๋ยวนะ !!
เดี๋ยวสิ !!!
เมื่อกี้คุณครูบอกว่าวันไหนนะ ? ที่คุณตาเสีย

ผมไม่แน่ใจ แต่เหมือนได้ยินครูบอกว่าวันศุกร์นะ ใช่มะ ?
แต่..!! วันอาทิตย์..
เมื่อวาน...
ผมยังเจอคุณตาอยู่นี่นา
แกยังให้ลูกอมรสบ๊วยกับผมอยู่เลย
( รสขม เป็นปื้นๆทะลักขึ้นมาในลำคอผมทันที )
แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ?

วันอาทิตย์.. (ต่อมา)
ผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานศพของคุณตาด้วย พร้อมกับนึกในใจอยู่ว่า
จะดูแลหลานแกให้ดีที่สุด ตามที่เคยรับปากแกไว้
แว่วเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยของคุณตา
ดังมาจากม้านั่งทางด้านหลัง ซึ่งแขกเหรื่อนั่งอยู่กันมากมาย ดังขึ้นแว่วๆ

ผมหันไปมองแต่ไม่เห็นใครหัวเราะเลยสักคน
โดยเฉพาะในงานอย่างนี้

พอขึ้นเรียนชั้น ป.6
เราก็แยกห้องกัน..
และห่างกันไปตามเวลา...
แต่ผมยังคงไม่เคยลืมความรู้สึกที่ว่า “รักเธอ” ได้เลย
แม้จนบัดนี้ !!

แม้เราจะไม่ใช่แฟนกันอีกแล้ว
แต่ผมก็ยังติดต่อถามไถ่ข่าวคราวของเธอ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่เสมอ
และเธอคงไม่คิดว่า มันจะเป็นการรบกวนเธอจนเกินไปนัก
เพราะทุกวันนี้ เราก็ยังคงคบหาเป็นเพื่อนกันอยู่เช่นเดิมเสมอ
ดังที่ได้รับปากกับคุณตาของเธอเอาไว้ว่า.. ผมจะดูแลเธอตลอดไป...



ปัฐพี คเวสกรณ์

No comments:

Post a Comment