mybloglog

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา
อยู่ระหว่างหนีเที่ยว

Search This Blog

Pages

Wednesday, December 8, 2010

यू गोत mail

ใน... โลกยุคใหม่

วิทยาศาสตร์..
คือ เครื่องมือ "โดยชอบธรรม" ในการเข่นฆ่าทำลายไสยศาสตร์
ความเชื่อเรื่องภูตผี เวทมนตร์ สิ่งเร้นลับ และเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลาย ให้สูญสิ้นไปอยู่แล้ว


"เรา" ผู้อาศัยอยู่กับโลกยุควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ถูกปกป้อง อย่างดี ในแนววงล้อมของ แสง-สี-เสียง และความรู้ทางวิทยาการทั้งมวล ที่มีอยู่ในโลกยุคนี้
เรื่องลี้ลับทยอยถูกบังคับเปิดโปงให้เผยตัวเองออกมาจากมุมมืด อย่างไม่หยุดหย่อน
ท่ามกลางแสงอันเรืองรองแห่งวิทยาศาสตร์
ความมืดและภูตผี กำลังถูกไล่ที่ให้พวกเราหมดสิ้นความกลัว และศัทธา
"....จริงหรือ....?"

ในขณะที่ความมืดและความกลัว กำลังถูกรุกรานอย่างเปิดเผย จากความเจริญแห่งยุคสมัย
ใครจะทันได้คิดบ้างว่า?
การต่อต้านจากความมืดนั้น
ค่อยๆ แฝงตัว คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ
อยู่ภายในวิทยาการที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเครื่องมือแห่งวิทยาศาสตร์ชั้นเลิศเหล่านั้น

ใครจะทันได้คิดบ้างว่า...?
เทคโนโลยียิ่งทันสมัย จะยิ่งเข้ากันได้ดีกับเรื่องเร้นลับ..!?

ดั่ง ผมที่เคยเชื่อว่า วิทยาศาสตร์กับเรื่องเร้นลับ เป็นสิ่งตรงกันข้ามกัน
วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของเหตุและผล!
แต่.. บางครั้ง
วิทยาศาสตร์ก็ก่อให้เกิดเป็นเรื่องเร้นลับ อันยากจะอธิบายได้ด้วยหลักแห่งเหตุและผล!?
ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เนต
ซึ่ง อยู่ใกล้ตัวเรามากเสียจน สนิทกับเรา มากกว่า พ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทของเราเสียอีก
และเพื่อนผู้แทบจะเรียกได้ว่า กินนอน อยู่ด้วยกันกับเรานี้..

ผม มักพบว่า..
มีหลายครั้งที่เกิดเรื่องเร้นลับหลายๆ อย่าง ในอินเตอร์เนต ที่หาสาเหตุไม่เจอ
เช่น ผมจะเข้าเวปหาข้อมูลทำรายงานอยู่ดีๆ มันกลายเป็นเวปโป๊เฉยเลย!
หรือ ในขณะที่ผมพยายามจะเข้าเวปของหน่วยงานราชการ
มันก็ดันกลายเป็นเวปขายของเพิ่มพลังทางเพศไปซะนี่ !?
แม้แต่...
อีตอนเวลาอยากจะเข้าไปดูเวปโป๊!!
ดันทะลึ่งกลายเป็นเวปของ ICT ไปซะงั้น !!!
ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งลี้ลับมากสำหรับผม..!!?? ( หึ หึ หึ )

อันว่า..
ตัวผมเองก็คิดว่าตัวเองมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์พอสมควร
( เสียบปลั๊ก เปิดสวิทต์ และปิดเครื่องเองได้ )
แต่.. เรื่องที่เล่าต่อไปนี้ ผมเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ ตามหลักวิทยาศาสตร์
ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ?

เรื่องมีอยู่ว่า..
( ปี พศ.2549 )

น้าสาวของผมคนหนึ่ง เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ
มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก
มีมากจนผมจำได้ไม่หมด
แต่สำหรับน้าสาวของผมเค้าสามารถจำลูกศิษย์ของตัวเองได้หมดทุกคน
( เก่งจริงๆ ไม่รู้จำได้หมดได้ไง มันเยอะมากนะครับ ขอบอก )

ในการเรียนการสอนของแก ก็เหมือนมหาลัยทั่วไป
ที่ติดต่องานกันโดยใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เนต เป็นหลัก ตามความนิยมของยุคสมัยนี้!
ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนเรียน. แจ้งผลสอบ.. ดูตารางสอน... ตารางสอบ
และเรื่องรายงานเอง...
ก็ให้พวกนักศึกษาส่งกันผ่านทางเมล์นั่นแหละ!
และ...

ในบรรดาเหล่าลูกศิษย์ของแกนั้น
"พินิจ" จะสนิทกับพวกเราเป็นพิเศษ
แกเป็นกัปตันชมรมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยที่น้าสาวผมสอน
ตอนนั้น..
ชมรมฟุตบอลไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษา เนื่องจากคนเก่าลาออกไปแล้ว..
" พินิจ" จึงได้ขอให้น้าสาวผมซึ่งสอนแกอยู่ขณะนั้น
มาช่วยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้ชมรมฟุตบอลมหาลัยด้วย
ซึ่ง น้าสาวผมก็ไม่ปฏิเสธ และก็ได้เข้ามาช่วยงานชมรมอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือประสานงาน และสนับสนุนงบประมาณของทางชมรมอีกทางหนึ่งด้วย

"พินิจ"
เป็นเด็กนิสัยดี มีน้ำใจ ตลก ยิ้มง่าย เข้ากับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ต่างจากผม..
และ... ตัวแกนั้นชอบแกล้งน้าสาวผมให้ตกใจเอามากๆ โดยมักจะแอบเข้ามาด้านหลังทำเสียงดังให้น้าผมตกใจอยู่บ่อยๆ!!

สำหรับคนที่ ดูสุขภาพดี แข็งแรงอย่างแก
และ ยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลของมหาลัยอีกด้วย
ใครจะเชื่อว่า...

วันหนึ่ง..

จู่ๆ..!!
พวกเราก็ได้รับข่าวร้ายว่า..
"พินิจ"
เสียชีวิตเสียแล้ว!!
ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว..!!!
..
...
.....

มันช่างเป็นเรื่องที่กะทันหันเกินจะทำใจได้ทัน!? สำหรับคนที่รู้จักคุ้นเคยแกดี อย่างพวกเรา...
ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าใดๆ มาก่อนเลยว่า...
แกจะเป็นโรคหัวใจ!!
และ จะเสียชีวิตกะทันหันแบบนี้ !!!

ในขณะที่แกเสียชีวิตนั้น...
พวกเรา.. อยู่ต่างจังหวัด และมีธุระเช่นกัน!
ดังนั้น..
ในช่วงวันแรกๆ
พวกเราจึงไม่ได้ไปช่วยงานอะไรแกเลย..
พวกเรา ได้ไปงาน "พินิจ" ก็ วันเกือบท้ายๆ แล้ว

อนิจจัง วะตะ สังขาราฯ..
มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต สำหรับการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย

แต่...

เรื่องที่ไม่ธรรมดา!?
กลับ...
เกิดขึ้น..!!
หลังจากพินิจ ตายไปแล้วได้ 7 วัน



บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ราคาหลายล้าน..
แต่.. อาจารย์สาว กลับอยู่คนเดียว!?

ไม่ว่าคิดยังไง!?
ผมก็ว่าค่อนข้างไม่ปลอดภัยอยู่ดี.. (ว่าแต่เค้า ผมก็อยู่บ้านคนเดียวเหมือนกัน 55+)
โดยเฉพาะคนขี้กลัวอย่างน้าสาวของผม
ทั้งๆ ที่ เป็นอาจารย์สอนด้านวิทยาศาสตร์(สิ่งแวดล้อม)แท้ๆ แต่กลับ เป็นคนกลัวผีเอามากๆ
(แล้วจะเรียนมาด้านวิทยาศาสตร์ทำไมเนี้ย !!??)

" ปี๊ป...... ."
เสียงสัญญาณ เริ่มต้นการทำงาน ในขณะเปิดเครื่องของเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังขึ้น!
ไฟสัญญาณกระพริบติด และพัดลมระบายอากาศของเครื่องเริ่มส่งเสียงครวญครางดังขึ้นเบาๆ ในห้อง
เป็นสัญญาณเครื่องเริ่มทำงาน ซึ่งเรียกว่า การบู๊ตระบบ
แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ดังนัก แต่ในยามวิกาล.. ที่ไร้สรรพสำเนียงเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนในห้องได้ยินอย่างชัดเจน
และ เสียงนั้น..
ก็ปลุกให้น้าสาวผมตื่นขึ้นมาอย่างง่วงงุน

นาฬิกา + วิทยุ บนหัวเตียง แจ้งเตือนเวลา 4.00 AM. พอดีแป๊ะ
นี่มัน.. หลังจากใช้โน้ตบุ๊คประจำตัวเตรียมการเรียนการสอนของวันต่อไปเสร็จ
และพึ่งปิดเครื่องเข้านอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง นี่เอง..


เงา..
เหมือนใครบางคน กำลังยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน หน้าโน้ตบุ๊ค
ขยับตัวพาดผ่านอยู่บนหน้าต่างเบื้องหลัง ที่ยังมีแสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้เล็กน้อย
แม้จะปิดม่านไปแล้วก็ตาม...

แว่วเสียงหัวเราะที่คุ้นเคย!
จากคนที่เคยคุ้น..
แผ่วมาเบาๆ....
ตามกระแสลมจากเครื่องปรับอากาศ ที่ถูกเปิดเป่าอยู่ภายในห้อง!!

มือหนึ่งขยี้ตาขณะพยายามหรี่ตาลงมอง ขณะอีกมือควาญหาแว่นตาที่ถูกถอดไว้บนหัวนอน

แสงจากโน้ตบุ๊คสว่างวาบเข้าตา สัญลักษณ์หน้าต่างสีฟ้า(windows) ปรากฏหน้าจอสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย และเสียงสัญญาน บ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการ เพื่อโหลดทุกแอปพริเคชั่นที่มี เพื่อเตรียมพร้อมให้อีกสักครู่ windows จะ เริ่มทำงานได้ และการเปิดการใช้งานของโน้ตบุ๊คก็จะสมบูรณ์พร้อมจะให้ใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องใช้พาสเวิร์ดประจำเครื่อง ซึ่งปกติจะต้องใส่ ให้เสียเวลาแต่อย่างใด

แสงสว่างวาบจากโน๊ตบุ๊ค ทำให้เงานั้นหายไป!
แม้จะแลตาหาทั่วห้องแล้วก็ยังไม่เจอ !!
จนคนในห้องทึกทักเอาเองว่าคงตาฝาดไป!?

โน้ตบุ๊ค ถูกเปิดฝาเอาไว้ ทั้งที่จำได้ว่าปิดพับลงไปแล้ว ..ก่อนจะเข้านอน!?
เปิดระบบปฏิบัติการขึ้นมาเองอย่างน่าฉงน?
เรียกน้าสาวผมให้เดินไปดูด้วยความงุนงงสงสัย..

ใจเย็นๆ ค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์กันก่อนนะ
ประตูห้องนอนและหน้าต่างถูกปิดและล็อคเอาไว้ ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม..
ไม่พบร่องรอยมีใครจะเข้ามาได้ อืม...
โน้ตบุ๊ค.. ยังถูกวางอยู่ที่เดิมบนโต๊ะทำงาน อืม...
สายชาร์ตถูกเสียบเอาไว้ จำได้ว่าก่อนนอนก็ทำ อืมส์.....
มาถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนยังไม่มีอะไรผิดปกติ... อืมมส์..
แล้ว... เครื่องมันเปิดเองได้ไงหว่า..!? ส่วน... ฝาพับก็จำได้ว่าปิดไปแล้วนี่..!!??

หลังจากค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปดูโน้ตบุ๊คเจ้าปัญหา ช้าๆ อย่างหวาดระแวง...
เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวก็จะถึงโน้ตบุ๊คอยู่แล้ว..
ทันใดนั้น..

เคอร์เซอร์ของเมาส์ที่ยังไม่ได้จับ เคลื่อนตัวไปยังสัญลักษณ์ IE.. (internet exprorer)
สิ้นแสงกระพริบ.. หน้าต่าง IE ก็เปิดหน้า G-mail ขึ้นมาเองอย่างอัตโนมัติ
พร้อม ไฮไลท์ไปที่เมล์ฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่ส่งเข้ามายัง แอดแดรสนี้
( น่าใช้เนอะคอมฯ เครื่องนี้ อัตโนมัติทุกอย่างเยย.. )

....
......
.........

หลังจากพินิจ ตายไปแล้วได้ 7 วัน...

ในวันที่ 7 นั้น ก็มีเมล์ส่งมาหาน้าสาวผม โดยอย่างที่เล่าไปแล้วข้างต้น..
เนื้อหาในเมล์นั้นเป็นรายงานที่น้าสาวผมสั่งให้เด็กนักศึกษาไปทำกัน
รวมถึงพินิจเองก็ต้องทำส่งด้วยเช่นกัน..
แค่ you got mail
ไม่น่ามีปัญหาอะไร?
ถ้ามันไม่ใช่เมล์ที่ส่งโดยใช้ชื่อ "พินิจ ปัญญาภาส"
คนส่งซึ่งไม่น่าจะมีโอกาสส่งเมล์มาได้แล้ว.. !!!

ตอนแรก..
เราก็นึกว่าเป็นการแกล้งกันเล่น โดยใครบางคน
แต่.. มีคนได้รับเมล์แบบนี้เช่นกัน
อีก 6 คน !!!
ซึ่งเป็นคนในกลุ่มทำรายงานของพินิจนั่นเอง!
เพื่อนๆ ของพินิจอีก 6 คน ก็ได้รับเมล์แบบนี้เช่นกัน !?
รวมน้าสาวผมด้วยเป็น 7 ราย พอดี

มันมีเนื้อหา
ถึงการส่งตัวอย่างรายงานเข้ามาให้ เพื่อสอบถามกลับไปว่า
"รายงานนั้นใช้ได้แล้วหรือยัง ?"

ใครจะช่วยอธิบายให้ผมฟังได้บ้าง?
ว่า..
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

เราจะสามารถตั้งเครื่องไว้ ให้เมล์ส่งเองในอีกหลายวันข้างหน้า ได้หรือเปล่า ?
หรือ...
เรื่องนี้ อาจเป็นใครบางคนใช้เมล์แอดเดสของพินิจส่งก็อาจจะเป็นได้ !

แต่ถ้าอย่างนั้น..
ทำไม!?
คนส่ง ถึงได้มีเนื้อหารายงานที่พินิจเป็นคนทำได้ละ ?
ไหนจะต้องมีพาสเวิร์ดเข้าเมล์แอดเดสของพินิจด้วย

หากจะเป็นการแกล้งกันเล่น !
แค่ส่งเมล์ในชื่อพินิจมาก็น่าจะพอ !!

แต่นี่กลับส่งมาได้แม้กระทั่ง รายงานที่น่าจะมีแค่ตัวพินิจเท่านั้นที่มีได้ !!
มันหมายความว่ายังไง ?

ส่วนเรื่องที่ว่ารู้ได้ยังไงว่า..
เป็นเนื้อหาที่มีแค่พินิจเท่านั้นที่มี !!
ก็เพราะว่า..
ในรายงานแต่ละเรื่อง ในกลุ่มจะไปแบ่งกันเองว่าใครจะทำในส่วนไหน
แต่ละคนจะทำคนละส่วน ไม่เหมือนกัน

ดังนั้น.. จึงมีแค่คนในกลุ่มของพินิจเท่านั้น ที่รู้ว่าพินิจต้องทำรายงานในส่วนไหน
ซึ่งทั้ง 6 คนที่เหลือในกลุ่ม
ก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำส่วนของพินิจ
และไม่มีใครรู้พาสเวิร์ด ของเมล์แอดเดสของพินิจเลย นอกจากเจ้าตัวเอง

ส่วนที่ว่าอาจจะมีใครทำรายงานนั้นขึ้นมาเพื่อแกล้งกัน !
ก็ไม่น่าเป็นไปได้!!
เพราะถ้าจะถามกันจริงๆ ว่า..
ใครจะลงทุนถึงขนาดไปทำรายงานนั้นขึ้นมาเพื่อแกล้งกัน!
ก็เป็นการลงทุนที่สูงน่าดูทีเดียว!!
เพราะ คงไม่มีใครอยากทำรายงานขึ้นมาสักชิ้นหนึ่ง!
เพียงเพื่อเอามาแกล้งคนอื่นเล่นหรอก !?
( ถ้าทำจริงก็ถือว่าลงทุนสูงมาก ใครมันจะไปอยากทำรายงานของคนอื่นทั้งชิ้น..
ของตัวเองยังไม่อยากทำเล้ยยย..
อีกนิด คือ.. พินิจเป็นลูกคนเดียว
พ่อแม่อยู่บ้านนอก แม้ฐานะดีแต่ก็ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น
ห้องที่คอนโด พินิจ ก็อยู่คนเดียว ไม่ได้แชร์ห้องร่วมกับใคร และ
แกยังไม่มีแฟน )

---------------------------------------------------

ผมถูกน้าสาวตามตัวไปหาทันที ที่เห็นข้อความในเมล์นั้น..
ทั้งที่งัวเงีย พึ่งตื่น เพราะนอนดึกเช่นกัน
แต่พอรู้เรื่องผมก็รีบไปบ้านน้าสาวทันที
ตอนที่ไปถึงบ้านแกนั้น..
ก็จวนจะสว่างอยู่แล้ว
หลังจากเปิดประตูให้ผม
แกก็กลับไปนั่งคลุมโปงอยู่มุมหนึ่งของห้องรับแขกทันที

เมื่อเดินเข้าไปดูที่ห้องนอน
ผมก็พบว่าโน้ตบุ๊คถูกเปิดค้างไว้อยู่ หน้าของเมล์แอดเดสหน้านั้น
เมื่อดูเนื้อหาแล้ว ผมก็พยายามส่งต่อไปยังเมล์ของตัวเอง แต่...
ไม่ว่าส่งไปยังไงกี่ครั้งๆ ก็ส่งไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมเองก็มีเมล์ แอดเดสอยู่หลาย ID แต่ก็ไม่มีสัก ID ที่สามารถส่งเมล์นี้ไปถึงได้เลย

เมล์ฉบับนั้น!
เป็นฉบับเดียวที่ถูกส่งมาถึงน้าสาวผม โดยใช้ชื่อของพินิจ
หลังแกตายไปแล้ว !
แล้วก็ไม่มีฉบับอื่นอีกเลย !!

และ... หลังจากนั้น
อีก 15 วัน
หลังของการตายของพินิจ
ทั้งๆ ที่ อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงพินิจ แต่..
เมล์ฉบับนั้น ก็ถูกลบหายไปจากเครื่องของทุกคน
โดยไม่มีใคร แม้แต่เพียงสักคน
ที่บอกว่าเป็นคนลบเมล์นั้นทิ้งด้วยตัวเอง ราวกับว่า..
เมล์ฉบับนั้นไม่เคยมีอยู่จริง บนโลกนี้มาก่อนเลย...

ผมเองไม่มีข้อสรุปใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ !!
แล้วคุณละคิดว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร?
โลกลี้ลับในอินเตอร์เนตมีจริงหรือไม่ ?
คุณจะเจอกับตัวเองบ้างไหม ? ในสักวันหนึ่ง....
และถ้ามี... เรื่องของคุณจะเป็นอย่างไร ?

จะเป็นไปได้ไหม ว่าสักวัน
จะมีตัวอะไรคลานออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ
ขณะอยู่ลำพังกลางดึกคนเดียว..?

ผมยังรอข้อสรุป ข้อไขข้อข้องใจ และความคิดเห็นจากคุณอยู่!!
ด้วยความหวังว่า จะมี "ใคร" สักคนได้เจอความจริง เพื่อจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง!!!





ปัฐพี คเวสกรณ์

No comments:

Post a Comment