mybloglog

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา

เรื่องนี้ ผีมีปัญหา
อยู่ระหว่างหนีเที่ยว

Search This Blog

Pages

Monday, July 26, 2010

แอบดูผี

ซวยครับ !! มัน..เป็นความซวยอย่างแท้จริง...

อันความซวยนั้นมักจะไปจะมาไม่บอกไม่กล่าว เหมือนๆ กับโชคดีที่มักจะมาโดยไม่ทันตั้งตัว
แล้วใครมันจะไปอยากรู้กันละครับว่าใครมันจะซวย หรือจะโชคดีเรื่องอะไร?
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นอย่างนี้ทุกคนนะครับ
เพราะบางคนก็อยากรู้อยากเห็นนัก โดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้านน่ะ
มันน่าสนใจไปหมด ใช่ไหมละครับ?
ผมเองช่วงวัยสะรุ่น ก็สนใจใคร่รู้ ใคร่ลองไปซะทุกเรื่องเหมือนกัน
ก็ด้วยความอ่อนวัย ไร้เดียงสา และความชั่วมันพาไป... น่ะ(หึหึ)
ตอนนั้นพวกผม ได้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ กันใหม่ๆ
ก็มารวมตัวกันหาห้องพักกัน ด้วยอยู่คนเดียวค่าใช้จ่ายมันแพงอ่ะนะ เลยต้องใช้วิธีหารค่าห้องกันนี่แหละ

ผมกับเพื่อนสมัยม.ปลาย รวมตัวกันได้ประมาณ 8 คนก็ไปหาห้องพักกัน
ได้ห้องพักค่อนข้างกว้าง และที่สำคัญ " มันถูก " เลยเช่ากัน 2 ห้อง อยู่ห้องละ 4 คน
เราได้อยู่ห้องชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด

สำหรับที่ซุกหัวนอนแค่นั้นก็พออยู่สบายได้ถมเถ ไม่อึดอัดมากนัก

เรา ได้หอพักนี้เพราะรุ่นพี่ที่จบม.ปลายที่เดียวกันมาก่อน ซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ที่ม.เกษตรฯ เค้าพักอยู่ก่อนแล้ว และแนะนำมาให้ ซึ่งห้องก็เป็นห้องที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องพวกรุ่นพี่พอดีนั่นแหละครับ
หอพักก็อยู่ใกล้ๆ กับ ม.เกษตรฯ นั่นละครับ

ผมกับเพื่อนอีกคนในห้องเรียน ม.รามฯ ส่วนอีก 6 คนเรียนที่ ม.เกษตร
จึงนับว่าเป็นที่ที่เหมาะมาก
ด้านล่างของห้องของพวกรุ่นพี่ จะเป็นเฉลียงที่ว่าง จากการสร้างชั้น 4 เล็กกว่าชั้น 3 มันจึงเป็นเหมือนดาดฟ้าของชั้น 3 ไปโดยปริยาย
เนื้อที่ก็คงราวๆ 2 คูณ 15 เมตร
เราสามารถปีนจากด้านหลังห้องของพวกรุ่นพี่ลงไปเดินเล่น และออกกำลัง รวมถึงตากผ้าได้ด้วย ( ฝั่งห้องผมลงไม่ได้ )
ซึ่งส่วนใหญ่พวกเราชอบเอาผ้ามาตากกันตรงนี้ เพราะแดดดีผ้าแห้งเร็ว
แต่ต้องคอยเฝ้าด้วยนะครับเพราะยังมีอีกหลายห้องลงมาได้ด้วย
ไม่เฝ้าดีๆ มีหาย!

เรื่องผ้าหายนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก

เรื่องของเรื่องก็คือ
วันหนึ่งผมซักผ้าแล้วเอาไปตากตามปกติ
แต่วันนั้นเฝ้าอยู่ดีๆ เกิดปวดท้องอึ๊ ซะอย่างงั้น!
ผมเลยแว้บไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย

แค่เข้าห้องน้ำแป๊บเดียว กางเกงยีนส์ตัวโปรดก็อันตรธานหายไปซะงั้น
ที่เจ็บใจก็เพราะผมตากกางเกงยีนส์ไว้ด้วยกัน 3 ตัว

แต่.. มันดันหายไปแค่ตัวเดียว คือ รีวายส์ 501 ริมแดง " ของแท้ " เท่านั้น
อีก 2 ตัว ก็รีวายส์ 501 ริมแดงเหมือนกัน แต่เป็นของเลียนแบบ
และ.. มันก็เจาะจงหายเฉพาะของจริง
นับว่าคนขโมยมันตาถึงมั๊กๆ ( ตูจะจำไว้ )
จากระเบียงหลังห้องของพวกรุ่นพี่
จะมีเหล็กกลมๆ ฝั่งอยู่ในกำแพงเป็นกันตก 3 อัน เรียงกัน
ซึ่งพวกเราก็ปีนข้ามเหล็กที่ว่านี่แหละ ออกไปยังระเบียงตากผ้ากัน
นอกจากนั้น ผมยังอาศัยเอาเหล็กอันที่ 2 คืออันกลางไว้เป็นที่ดึงข้อ ออกกำลัง
เพราะผมตัวค่อนข้างสูง อันกลางเลยเป็นที่ดึงแขนได้เป็นอย่างดี

แต่ นอกจากผมแล้ว คนอื่นก็ไม่ค่อยมีใครมาใช้ที่นี่ออกกำลังซักเท่าไร ส่วนผมติดนิสัยเสียแล้ว วันไหนไม่ได้ออกกำลังมันหงุดหงิดตะครั่นตะครอยังไงบอกไม่ถูก
แม้ว่า.. ส่วนใหญ่ ช่วงนี้จะไม่ค่อยว่างเลย เลยมาออกกำลังได้แค่ อาทิตย์ละ 2-3 วันเท่านั้นก็ตาม
อยู่ๆ วันหนึ่ง!!

"พี่โต้ง"

หนึ่งในรุ่นพี่ตัวดีของผมก็ ขยันมาออกกำลังกายดึงข้อซะงั้น
( อ้าวตายห๊ะ! เผลอบอกชื่อเล่นจริงๆ ของแกไปซะละ แค่ชื่อเล่นช่างมันละกันนะพี่โต้งนะ )
ทั้งๆ ที่ตัวแกก็สูงพอๆ กับผม แต่แกกลับใช้เหล็กท่อนล่างเป็นที่ดึงข้อซะนี่
ผมเองก็สงสัยว่าใช้ท่อนล่างมันจะไปได้เรื่องอะไร
( ท่อนล่างในที่นี้หมายถึงเหล็กกันตกนะครับ อย่าเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น )
แต่เห็นแกดึงขึ้นมาแค่นิดเดียวแล้วก็พยายามค้างไว้แค่นั้น
ก็เลยนึกไปว่าแกพึ่งเริ่มเลยยังดึงสูงๆ ไม่ได้ ...มั้ง ?
( คิดว่างั้นนะครับ )

พอเห็นผมเข้ามาแกก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับแซวว่า

"เห็นขยันออกกำลังทุกวันที่แท้มีดีอย่างนี้นี่เอง ไม่บอกกันมั่งเลยนะ!!"

ผมก็งงๆ ไม่รู้แกมาไม้ไหน
พอผมถามว่ามีดีอะไรยังไง แกก็ทำหน้าตื่นๆ ว่า

"นี่! ไม่รู้จริงเหรอ?"

แล้วแกก็เรียกผมให้ไปดึงข้อดู
ตอนแรกผมก็ดึงที่เหล็กท่อนกลางที่ถนัด
แต่แกก็ดึงลงมา แล้วบอกว่า

"มิน่าละ! ถึงได้ไม่เห็นของดี"

แล้วแกก็โชว์ให้ดู
ว่า ต้องดึงท่อนเหล็กอันล่างสุดแล้วค้างไว้แค่นี้ พร้อมกับบิดตัวหันหน้าเข้าหาตัวตึก แล้วหัวเราะคิกคัก ผมก็ยังงงอยู่ดี แต่พอทำตามแกมั่งก็เข้าใจได้ทันที

จากจุดนั้นเมื่อดึงตัวขึ้นแต่ไม่สุด ให้ต่ำกว่าระเบียงห้องแกสักฟุต
( ระดับสายตาจะอยู่ต่ำกว่าพื้นห้องแกเล็กน้อย ถ้ายังอยู่บนพื้นห้องจะไม่สามารถมองเห็นได้จากจุดนั้น )
ก็จะเป็นตำแหน่งที่สามารถมองลอดกระจกระบายอากาศห้องน้ำของชั้น 3 ได้พอดิบพอดี

ส่วนของดีที่แกว่า
ก็คือ

ห้องหนึ่งในจำนวนที่มองไปเห็นนั้นมีสาวๆ กำลังอาบน้ำอยู่พอดี!

นี่..!
ถ้าผมยังไม่เข้ามา แกก็คงดูเพลินไปแล้ว

พอเห็นผมทำหน้าตื่น แกก็หัวเราะชอบใจ
พร้อมแซวว่า

"แหมทำเป็นไม่รู้นะ มิน่าละชอบมาออกกำลังนักแถวนี้น่ะ!"

โดยส่วนตัวแล้ว..
ผมเองก็พึ่งค้นพบว่าการออกกำลังมันน่าสนใจอย่างนี้นี่เอง..
แต่ก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงแกว่าไง ได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงว่า
อืม...ของเค้าดีจริงๆ!(^o^)
...

หลังจากนั้นจากคำบอกคำเล่าของพี่โต้ง
จากปากต่อปาก พวกผมก็เริ่มหันมารักการออกกำลังกันมากขึ้น
"โดยเฉพาะการดึงข้อ"

พร้อม กับเสียงต่อว่าต่อขาน ว่าผมมันเพื่อนเลว มีของดี ไม่ยอมบอกไม่ยอมแบ่งกันบ้างเลย แม้จะพยายามแก้ตัวขนาดไหนก็ไม่ขึ้นแล้วละครับตอนนี้
จากการสืบราชการลับของพวกกระผม
ก็พบว่าสาวๆ ที่อยู่ในห้องนั้นอยู่กัน 2 คน คนหนึ่งสวยมากครับ เป็นคนที่ผมแอบได้เห็นในครั้งแรกนั่นเอง
หน้าตาจมูกโด่งยังกะฝรั่ง ผมสีน้ำตาล ผิวขาวออกแทนเล็กน้อย ตัวสูง หุ่นดีเป็นบ้า เท่าที่เห็นจากการแอบดูผมก็ว่าสวยแล้วนะ
แม้ตอนนั้นจะยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเลยก็ตาม
แต่การแอบดูมันก็มีรสชาติของมัน แบบว่า..

"ฝื่นๆ คอ แต่หวานพิลึก.. น่ะ ( แหะ ๆ )"

นี่พอเพื่อนมาบอกว่าคนนี้แหละที่อยู่ในห้องนั้น..
โอ้โห! สวยจับใจเลยครับ

อีกคนตัวเล็กกว่า และเตี้ยกว่าเล็กน้อย แต่ขาวกว่ามาก แต่ไม่น่ารักเท่าคนแรกครับ คนนั้นสวยจริงๆ
คนที่สวยมากๆ นั้น

"แกมีแฟนแล้วครับ"

และมักจะมาหาวันเสาร์-อาทิตย์
ดังนั้น เย็นวันศุกร์ และเสาร์จะเป็นวันที่พวกเรางดออกกำลังกัน เพราะบ้างทีจะเจอแฟนแกอาบน้ำอยู่แทน ( อ๊วก.. )

แต่บ้างทีก็มีคนเห็นตอนเขาเข้าไปอาบน้ำด้วยกันสองคนด้วยอ่ะ!

ส่วนเพื่อนผู้หญิงอีกคนจะไม่อยู่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ครับ
คิดว่าคงกลับบ้าน รึไม่ก็เปิดทางให้กันประมาณนั้น

ใครๆ หลายคนอาจจะคิดว่าผมนิสัยไม่ดีเอามากๆ ที่ทำอย่างนั้น

แต่..แหมก็ตอนนั้นยังรุ่นๆ อยู่นี่ครับ
สัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นมันแรง
โดยเฉพาะเรื่องพรรค์นี้

บอกแล้วไงว่า "ด้วยความอ่อนวัย ไร้เดียงสา และ...ความชั่วมันพาไปน่ะ!" 555+
หลังจากที่พวกผมเฝ้าสังเกตวิถีชีวิตสัตว์โลก มาประมาณเดือนกว่าๆ
หรือเข้ามาอยู่ที่หอนั้นได้ประมาณ 3 เดือน

วันหนึ่งผมก็ไปดึงข้อตามปกติ
วันนั้นเป็นวันเสาร์ คุณแฟนมาอยู่ด้วยพอดี
ผมเลยเห็นกิจกรรมในห้องน้ำซะเต็มที่ไปเลย

"เล่นเอาเมื่อยแขนไปเลยละครับ"

พอเสร็จจากกิจกรรมส่วนตัวกันแล้ว
พวกเขาก็หันมองมาทางผม แล้วยิ้ม
ประมาณว่า

"ยิ้มแบบสะใจน่ะครับ"

ส่วนตัวผมเองก็ตกใจมาก
เพราะคิดว่า ..แย่แล้ว!! เค้าเห็นซะแล้วทำไงดี!!??

นี่ถ้าเขาเอาเรื่องละไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ซวยจริงๆ..!
ดันมาเห็นวันที่ผมมาแอบดูซะนี่!!
ผมคงอยู่หอนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!!!
ถ้าคนในหอรู้ผมคงถูกประณามหยามเหยียดจนสู้หน้าใครไม่ไหวแน่ๆ

ผมเครียด กลุ้ม กังวล หวั่นใจ คิดมาก นอนไม่หลับทั้งคืน
( กรรมของการทำชั่วมันตามมาทันแล้วครับ ใครที่คิดจะทำแบบผมต้องเตรียมใจรับกับผลที่ตามมาให้ดีๆ แต่ถ้าจะให้ดีก็ไม่ควรทำ เพราะมันจะทำให้คุณวิตก กังวลและ เครียดเอามากๆ เลยเชียวแหละ )
หลังจากวันนั้น
ผมก็เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง และเตือนว่าอย่าไปทำอีก เพราะดูเหมือนเขาจะรู้ตัวกันแล้ว
เพื่อนๆ ต่างก็วิตก กังวล กันเป็นการใหญ่ เตรียมทางหนีที่ไล่ไว้ว่า ถ้าเขาจะเอาเรื่อง ก็จะบอกไปว่าแค่มาออกกำลังไม่ได้แอบดูใคร และไม่มีใครเคยเห็นอะไรเลย

ตกลงกันไว้แบบนี้ละครับ!

แต่..จนแล้ว จนรอด
วันเสาร์ก็ผ่านพ้น วันอาทิตย์ก็ผ่านไป จนถึงวันจันทร์ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แม้จะไม่มีใครมาเอาเรื่อง แต่เรื่องมันก็เครียดจัดจริงๆ สำหรับคนที่พึ่งทำความผิดมาอย่างพวกผม..
....
เย็นวันจันทร์นั้น!
เพื่อนกลุ่มหนึ่งในห้องก็กระวีกระวาด กระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง
แล้วบอกว่า

"เกิดเรื่องแล้ว! ..เกิดเรื่องที่ห้องนั้นแล้ว!!"

ตอนแรกเราก็งง ห้องไหน?
แล้วเรื่องอะไร?

เพื่อนๆ ที่เข้ามาแย่งกันเล่ากันใหญ่!!!
พอจับใจความได้ว่า

"มีคนผูกคอตายในห้องน้ำ! ในห้องที่พวกเราเคยไปแอบดูกันมานั่นเอง!?"

พวกเราถึงกับตื่นตะลึงทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่...

ในที่สุด!

พวกเราก็ตัดสินใจพากันลงไปดูที่ห้องนั้น

ปรากฏว่าตอนนี้

ที่ชั้น 3 เต็มไปด้วยตำรวจ มูลนิธิ และไทยมุงจำนวนมาก
ออกันอยู่เต็มไปหมด
มีผ้าสีขาวคลุมเปลสนามอยู่กลางห้อง 1 เปล
และ...

"คนผูกคอตายห้อยอยู่ในห้องน้ำอีกคนเป็นผู้ชาย...!!!"

ซึ่ง.. พวกมูลนิธิกำลังช่วยกันเอาตัวลงมา
สอบถามพวกมูลนิธิ ได้ความว่า

"คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา มีคนได้ยินเสียงคนในห้องทะเลาะกัน
เรื่องที่ผู้ชายเกิดความหึงหวงว่ามีคนมาติดพันฝ่ายหญิง
และกลัวว่าฝ่ายหญิงจะปันใจไปมีคนใหม่ ( ก็สวยมากขนาดนั้นไม่หึงก็แปลกละครับ )

จนดึก เสียงทะเลาะถึงได้เงียบลง

คนในชั้นนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
คิดว่าเขาคงตกลงกันได้แล้ว
จึงไม่มีใครสนใจ

พอตกเย็นวันจันทร์

คือวันนี้

เพื่อนผู้หญิงอีกคนก็กลับมาที่ห้อง
( ซึ่งส่วนใหญ่เธอจะออกเช้าวันศุกร์ แล้วกลับห้องเย็นวันจันทร์ )
ใช้กุญแจของตัวเองไขเข้าไปในห้อง ก็พบว่า..

เพื่อนสาวถูกหมอนกดทับ และมีรอยบีบคอ
จนขาดอากาศหายใจ

"ตายอยู่บนเตียง"

ส่วนแฟนหนุ่ม
ก็แขวนคอตัวเองตายตามอยู่ในห้องน้ำ
( จากช่องที่เราแอบมองกันนั้น จะสามารถเห็นศพแขวนคอได้อย่างสบาย แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเคยเห็นเลยสักคน ( ยังไงละเนี่ย!! ) )

เธอตกใจร้องไม่ออก
ได้แต่ระล่ำระลัก ตัวสั่น มาบอกผู้ดูแลหอ

หลังจากนั้นผู้ดูแลหอ ก็โทรแจ้งตำรวจ
และเมื่อตำรวจมาถึง สถานการณ์ก็วุ่นวายอย่างที่เห็น "

พอเพื่อนผมกลับมาจากมหาวิทยาลัย ก็มาเจอเข้าพอดี
พอสอบถามจนรู้เรื่องแล้ว
ก็ขึ้นไปบอกให้พวกเราทุกคนลงมาดู!

เมื่อดูจากสภาพศพ. เรื่องที่เกิด.. และเสียงทะเลาะที่ได้ยิน...
ทำให้พวกมูลนิธิ และตำรวจสันนิษฐานกันว่า น่าจะเสียชีวิตมาได้สัก 3 วันแล้ว

"คือน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ที่มีการทะเลาะกันแล้ว"

คาดว่าคงตกลงกันไม่ได้ผู้ชายจึงเอาหมอนกดและบีบคอ จนผู้หญิงเสียชีวิต แล้วผูกคอตายตาม
" อะไรนะ!?"

"ตายตั้งแต่วันศุกร์มาแล้ว!!??"

ผมกับเพื่อนอีกสองคนอุทานแทบจะพร้อมกัน
พูดจบก็หันหน้ามองกันเลิกลักอย่างตื่นตะลึง

แล้วผมกับเพื่อนอีก 2 คนที่อุทานพร้อมกัน
ก็รีบดึงแขนเพื่อนคนอื่นๆ กลับขึ้นไปบนห้องทันที

แม้จะทำหน้าตาว่าสงสัย..
แต่เพื่อนๆ ก็ตามไปแต่โดยดี
พอถึงห้องก็ล็อกประตูทันที

" เฮ้ย..! นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ??? "

เสียงถามดังกันขรม

พวกผม 3 คนก็ต้องหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
เหมือนจะถามกันเองอยู่ในทีว่า

"นี่มึงเจอเหมือนกูรึเปล่าว่ะ?"

ท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนคนอื่น รวมทั้งรุ่นพี่ที่ตามเข้ามาด้วย


ในที่สุด..

ผมก็พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า

" ก็วันเสาร์กูยังไปแอบดูคู่นั้นเขาอยู่เลย ก็เล่าให้ฟังแล้วนี่ ว่าเขาดูเหมือนจะเห็นว่ากูแอบดูเขาด้วยน่ะ "

เท่านั้นเองทุกคนก็ขนลุกซู่เมื่อนึกขึ้นได้
ว่า.. ผมพึ่งเล่าให้ฟังมาไม่นานนี้เอง
แล้วทุกคนก็ตกลงใจหาข้อแก้ตัวในการแอบดูกันไว้แล้วด้วย

" ของกูก็เห็นเมื่อคืนวันศุกร์ว่ะ เห็นมันเอากันเหมือนอย่ามึงเล่าน่ะแหละ ไม่เห็นจะเหมือนคนทะเลาะกันเลย.. "

เพื่อนอีกคนเล่าบ้าง

" ส่วนของกูวันอาทิตย์ เต็มๆ เลยวะ เช้าๆ มันยังเอากันให้กูเห็นอยู่เลย"

อีกคนเล่าเสียงสั่นๆ บ้าง
พร้อมห้อไหล่ทำท่าขนลุกขนพอง
( มันเสือกไปเล่นกล้ามตอนเช้าซึ่งปกติพวกเราจะไม่ทำกัน ผมเลยยังไม่ทันได้เล่าเรื่องที่ดูเหมือนพวกเขาจะเห็นผมแอบดูเข้าแล้วให้มัน ฟัง มาเล่าเอาก็ตอนสายๆ วันอาทิตย์น่ะแหละ )

ถ้าการสันนิฐานเรื่องเวลาตาย ของมูลนิธิกับตำรวจถูกแล้วละก็..!

คนที่เห็นตอนวันศุกร์ยังพอทำใจ
ว่าตอนนั้นคู่นั้นอาจจะยังไม่ตาย!!

แต่ผมที่เห็นตอนเย็นวันเสาร์ละเป็นอะไร? แล้วไหนจะวันอาทิตย์ที่เพื่อนอีกคนเจออีกละ!? ( เวรของกรรมจริงๆ... )

และแล้ว พี่โต้งก็พูดขึ้นมาหน้าตาเฉยว่า
ก็ดีแล้วนี่! ถือว่าโชคดี!! ที่อย่างน้อยก็ไม่มีคนรู้ว่าเราแอบดู!!!
สบายใจไปได้เปาะหนึ่ง ( เออ..ไม่มีคนรู้แต่ ผีรู้นี่นะพี่ สบายใจจริงๆ ฮือ..อือ.. ) จะเล่นกันวันไหนก็ไม่เล่น ตายไปแล้วยังมาเล่นจ้ำบ๊ะกันให้ดู วันที่ตูแอบดูอีกนะ

ซวยจริงๆ!!

เรื่องจะโชค จะซวยน่ะช่างมันก่อน
แต่ที่แน่ๆ

พวกเรารีบย้ายหอหนีทันทีวันอังคารนั้นเลย

ตอนแรกว่าจะอยู่ต่อให้หมดเดือนก่อนเพราะเสียดายค่ามัดจำ
( ถ้าอยู่ไม่ถึง 4 เดือนเขาไม่คืนค่ามัดจำนะครับ )
ผมน่ะยังพออยู่ได้แต่หลายคนทนไม่ไหว หยุดเรียนไปหาหอใหม่กันทันทีเลยเดียว
ตกลงค่ามัดจำก็ปิ๋ว
แต่คงต้องยอมครับเพราะยอมรับว่า สภาพแต่ละคนมันไม่ไหวแล้วจริงๆ

ผู้ดูแลหอก็บ่นอุบว่า

"มาตายกันแบบนี้ผู้เช่าหนีกันหมดเลย"

เพราะไม่ใช่แต่พวกเรา
ห้องอื่นอีกหลายห้องก็ย้ายหนีเหมือนกันครับ
แต่อาจจะคนละเหตุผลกับเราเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นด้วยความที่ต้องหาหอใหม่กันอย่างเร่งด่วน
ทำให้ต้องมีการย้ายหออีกหลายครั้ง เพราะแต่ละห้องไม่ค่อยถูกใจเราเอาเสียเลย

จนกระทั่งเพื่อนที่เรียนม.เกษตรฯ ได้หอพักใกล้ๆ มหาลัย
แต่อยู่กันได้แค่ 6 คน เพราะหอเค้าจำกัดมาว่า อยู่ได้ไม่เกินห้องละ 3 คน เท่านั้น

พวกผมเด็กรามฯ เลยไปหาหออยู่ใกล้ ม.รามฯ แทน

แล้วก็หอใหม่นี่ละครับ ที่ผมก็ยังอุตส่าห์ เจอเรื่องแปลกๆ เข้าอีกจนได้

ทั้งๆ ที่เป็นห้องเช่าที่ใหม่และผมก็ชอบเอามากๆ เสียด้วย

ส่วนเรื่องเป็นยังไงนั้น
ให้ไปติดตามอ่านเอาได้ในเรื่อง " ผีอำ "
ซึ่งผมเคยเขียนมาให้อ่านกันแล้ว ก็แล้วกัน!!
ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นความซวยโดยส่วนตัว..
แล้วท่านที่อ่านอยู่ละครับคิดว่านี่เป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่..?


ปัฐพี คเวสกรณ์

No comments:

Post a Comment